02 September 2007

คุณแม่จู้ คุณครูจี้ คุณพี่ขี้บ่น

ถึง คุณแม่จู้ คุณครูจี้ คุณพี่ขี้บ่น

คุณเป็นคนหนึ่งรึเปล่า ที่ต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปอย่างที่คุณคิด คุณเคยคิดไหมว่า "ฉันก็ให้อิสระแก่คนอื่น แต่อิสระนั้นต้องไม่ออกนอกกรอบที่ฉันวางไว้" คุณเคยกังวลเอามากๆหรือไม่ว่า ถ้าคุณไม่ "จัดการ" เองแล้วมันอาจจะมีปัญหา และล้มเหลวได้

ถ้ามีขนม S&P เป็นเซ็ตๆให้เลือก โดยในแต่ละเซ็ตนั้น มีกาแฟให้ด้วย คุณจะเลือกจากเซ็ต หรือ คุณจะขอให้เขาคิดราคาให้ใหม่ โดยเอาแบบไม่มีกาแฟ และให้คิดอีกแบบโดยให้เขาตีราคาขนมเป็นชิ้นๆมาให้ แล้วคุณค่อยเลือกอีกที คุณจะใช้วิธีไหนเลือก และผลที่ออกมามันจะต่างกันมากน้อยเพียงใด ถ้าเทียบกับเวลาและพลังงานสมองที่ทุกคนต้องเสียไป เพื่อการเลือกขนมนี้

ถ้าคุณคิดด้วยความจริงใจ(โดยไม่ต้องบอกใครก็ได้)แล้ว ว่าคุณเป็นคนที่ค่อนข้างจู้จี้ขี้บ่น ก็อยากจะให้คุณทราบถึงผลร้ายของการเป็นคุณแม่จู้ คุณครูจี้ คุณพี่ขี้บ่นดังนี้
  • การที่คุณกำหนดกรอบมากเกินไป มันเป็นการไล่ ด.ช.บรรเจิด และ ด.ญ.บรรเจิดในตัวคนรอบข้างคุณออกไปจากสถานที่ที่คุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ในห้องเรียน หรือที่ทำงาน มันจะไม่มีอะไรใหม่ๆ การปรับปรุงใหม่ๆ เกิดขึ้น ความคิดใหม่ๆ ก็ไม่กล้าที่จะออกมาโชตัว เพราะมันถูกปฏิเสธบ่อยๆ ด้วยคำว่า "พี่ว่าอย่างนี้ดีกว่านะ" แล้วก็จบ ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่พี่บอก แม่บอก(แต่แรก) แล้วคุณก็จะไม่เห็นประกายในแววตานั้นอีกเลย

  • สถานที่ที่คุณอยู่ก็จะกลายเป็นสถานที่ที่น่าเบื่อ มากขึ้นทุกที ผลงานที่ออกมาก็จะดูคุ้นตา จนน่าเบื่อ ขาดความน่าตื่นเต้นให้ค้นหาและติดตาม บริษัทใหญ่ๆหลายแห่งไม่รู้ทำไมอยู่ๆไปจะเป็นแบบนี้ สังเกตุอะไรที่ออกมาจาก Microsoft จะดูเป็นทางการอย่างน่าเบื่อ มีคนเคยพูดถึงว่า มันอย่างกับมีคนๆนึงมาคอยสแกนความน่าตื่นเต้นออก "อันนี้ใหม่เกินไป อันนี้ตลกเกิน อันนี้เสี่ยงเกิน เอาออก เอาออก" สิ่งที่ออกมาเลยเป็นทางการแบบน่าเบื่อสุดๆ โตโยต้า กับ นิสสัน ก็เหมือนกัน เป็นบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่เป็น อันดับหนึ่งและสองในญี่ปุ่น ชื่อนิสสัน ถึงกับแปลว่า อุตสาหกรรมญี่ปุ่น แต่การออกแบบรถบางที มันเหมือนกั๊กๆ เข้าใจว่าดีไซเนอร์จริงๆ ออกแบบมาให้หลายแบบ แต่แบบต่างๆที่น่าตื่นเต้น ก็จะตกไป ตอนผู้บริหารของประเทศที่ขายรถได้เยอะเลือกนี่แหละ มันต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆกันบ้าง อย่ากลัวจนเกินไป

  • คุณจะทำลายความรักในงาน ในครอบครัว ของคนรอบข้าง คือเมื่อคนเรารักในสิ่งที่เราทำ เราก็อยากจะทำให้มันดีขี้น ดีขึ้น แต่ในเมื่อ ความคิดที่เราคิดว่าดี ที่จะทำให้งานสำเร็จ ให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มันถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี เราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดทิศทางการเดินของบริษัท หรือแค่ของงานเล็กๆที่เราทำ Sense of belonging หรือ ความรู้สึกในความเป็นเจ้าของ มันก็ไม่มี พนักงานก็จะค่อยๆลาออก ลูกๆก็จะตีห่าง หรือไม่ก็นั่งเงียบตลอด ไม่ค่อยอยากมีส่วนร่วมใดๆ เพราะร่วมไป คิดไป ก็ไล้บอย เมื่อความรักในงานหมดไป ทุกเช้าก็ไม่อยากมาทำงาน มาก็หน้าหงิก พาให้บรรยากาศที่ทำงาน ที่บ้านแย่ไปด้วย เมื่อไม่มีความรักแล้ว อะไรๆมันก็เป็นแบบหุ่นยนต์ไปหมดแล้ว

  • ชีวิตคุณจะไม่ค่อยมีความสุข เพราะคนรอบข้างไม่ค่อยอยากเข้าใกล้ เพราะลำคาญที่คุณค่อนข้างเจ้ากี้เจ้าการ จู้จี้ คุณต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เหนื่อยไม่มีวันได้พัก คุณจะกังวลมากเกินไปและอาจเป็นโรคความดันสูงได้ในที่สุดด้วย

โปรดเข้าใจหัวจิตหัวใจ และสุขภาพประสาทหู ของคนที่โดนจู้โดนจี้โดนเจ้ากี้เจ้าการ เถอะค่ะ มันเหมือนถูกขังคุก(ที่มองไม่เห็น) ด.ช. และ ด.ญ.บรรเจิดที่อยู่ในตัวก็เริ่มป่วย ฉันรู้ว่าถึงแม้คุณจะเป็นคนจู้จี้ คุณก็คงไม่ได้ต้องการให้คนอื่นเศร้าหมอง และป่วยทางใจใช่ไหมคะ ฉะนั้น ปรับปรุงเถอะค่ะ ง่ายๆ แค่
ปล่อยวาง และ เปิดใจ
เท่านี้ คนรอบข้างก็จะรักคุณ และอยากอยู่ใกล้คุณมากขึ้นเยอะ~ และคุณก็จะมีสิ่งใหม่ๆในชีวิตให้สมองมีความสุขได้อีกเยอะ ความดันก็ลด สุขภาพก็ดีด้วยนะคะ please please please~

No comments:

Add to Google Reader or Homepage