สำหรับฉันแล้ว การเปลี่ยนแปลง นำสิ่งใหม่ๆ มาให้เสมอ เราต้องเปิดใจยอมรับมัน เพราะความจริง ไม่มีอะไรหยุดนิ่งอยู่กับที่ โลกเรายังหมุนไป เดี๋ยวมืด เดี๋ยวสว่างตลอดเวลาเลย แล้วเราจะอยู่ที่เดิมตลอดไปได้อย่างไร เพื่อนซี้เราจะอยู่ข้างๆ เราตลอดไปก็ไม่ได้ ทุกอย่างมันก็ต้องมีวาระของมัน และอีกอย่าง ถึงแม้ เราจะอยู่ที่เดิม แต่ถ้ายุคมันเปลี่ยนไปเสียแล้ว ทุกอย่างมันก็อาจจะไม่ดีเหมือนเดิม หรือ ดีขึ้นกว่าเดิมเป็นล้นพ้นก็ได้
เพียงแต่ เรา ต้องไม่รู้สึกสบายเกินไป กับตำแหน่ง หน้าที่ที่เราทำอยู่ ถ้าเรารู้สึกคุ้นเคยและสบายเกินไปแล้ว เมื่อความผันแปรมาถึง เราก็จะดึงผมตัวเองยีหัวตัวเอง ว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน" และต่อต้านการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อไม่สามารถต่อต้านได้ ชีวิตก็ทุกข์ระทมขมขื่น นั่งหน้าโหดอยู่ที่โต๊ะทั้งวัน
เลือกที่จะยิ้มรับความเปลี่ยนแปลงดีกว่า เลือกที่จะก้าวไปในอีกช่วงของชีวิตดีกว่า ไม่ว่ามันจะดี หรือเลว มันก็ไม่ยั่งยืนเหมือนกัน เดี๋ยวมันก็ต้องผ่านไปอีก แต่เราก็ได้โตขึ้น ทางอารมณ์ และปัญญา ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากงานใหม่ จากคนใหม่ๆ ทั้งที่เด็กกว่า และแก่กว่า ถ้าเราเคารพกฎแห่งความเปลี่ยนแปลงซะอย่าง เราก็สบาย(ใจ)ได้
หนังสือดัง หนังสือดี ที่ตรงใจเวลานี้คือ "ใครเอาเนยแข็งของฉันไป?" "Who moved my cheese?" ที่เปรียบเนยแข็ง เหมือนสิ่งที่เราต้องการ และค้นหา ไม่ว่าจะเป็น เงินทอง ชื่อเสียง ความมีหน้ามีตาในสังคม อยู่มาวันหนึ่ง เนยแข็งอันโอชะของฉันอันตรธานไป ตื่นมาอีกทีไม่มีเสียแล้ว ก็จงอย่ารอช้า รีบออกวิ่ง หาเนยแข็งก้อนใหม่เสียเถอะ ระหว่างทาง มันอาจจะมีมุมมืดบ้าง ทางตันบ้าง บางทีก็อาจจะเจอเศษเนยแข็งบ้าง เราก็ได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ถ้าเราไม่หยุดหา เราก็ต้องเจอเนยแข็งก้อนใหม่ พร้อมรู้อยู่ในใจเสมอว่า มันจะมีวันหมด และเราก็พร้อมที่จะออกวิ่งไปสู่เนยแข็งก้อนใหม่อยู่เสมอ อ่านจบแล้วก็ยิ้มเปี่ยมกำลังใจได้เหมือนกันนะ
ขอให้ทุกคนอย่าท้อถอยนะคะ ถ้าตุลานี้ เนยแข็งของท่านหายไป เตรียมรองเท้าวิ่งคู่ที่เคยใ้ส่เมื่อตอนยังหนุ่ม ยังสาวไว้เลย
Who moved my cheese?
โดย Dr. Spencer Johnson
Copyright 1998
ISBN 0 09181 697 1
ปกอ่อน 94 หน้า
(มีแปลเป็นไทยแล้ว)
โดย Dr. Spencer Johnson
Copyright 1998
ISBN 0 09181 697 1
ปกอ่อน 94 หน้า
(มีแปลเป็นไทยแล้ว)
No comments:
Post a Comment