
ท่านบอกว่า ธรรมะ แปลว่า ทรงไว้ซึ่งความจริง ทรงไว้ซึ่งความดี ความจริงตามธรรมชาตินี้ มีอยู่ตลอดแม้ก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าท่านเห็น และเมตตารวบรวมมาสอนพวกเรา พระพุทธเจ้าเองยังทรงตรัสว่า เราเองก็เคารพในพระธรรม ท่านระลึกถึงพระธรรมอยู่เป็นปรกติ ท่านระลึกถึงธรรมะ 3 ประการเป็นปรกติ คือ
- ท่านนึกถึงความตายเป็นปรกติ อย่างที่ท่านตรัสกับพระอานนท์ว่า ตถาคตเองก็นึกถึงความตาย ทุกลมหายใจเข้าออก
- ทุกลมหายใจเข้าออก แบบที่ท่านตรัสกับพระสารีบุตรว่า เราเองก็เป็นผู้มากด้วยอานาปานุสสติ
- ท่านนึกถึงว่า ทุกอย่างเป็น อนิจจัง หาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรมิได้ ทุกขัง เป็นทุกข์ และ อนัตตา
หายใจเข้าแล้วไม่หายใจออก ก็ตาย ออกแล้วไม่เข้าก็ตาย ลมใหม่มันไม่เข้ามา อาหารใหม่ไม่เข้ามา มันก็ตาย พระอรหันต์ท่านก็นึกถึงความตายเป็นปรกติ เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า เราก็ต้องนึกเหมือนกัน ความตายของเรา ความตายของเขา
ถ้าเราอาลัยหลวงพ่อปัญญา เราก็ต้องศึกษาธรรมที่ท่านสอนไว้ พระอรหันต์หลายพระองค์เกิดขึ้นมาแล้ว และดับขันธ์ไปแล้ว แต่เราก็อยู่ใกล้ท่านได้ ด้วยการฟังธรรมที่ท่านเคยสอน อ่านหนังสือที่ท่านเมตตาเขียนไว้ให้เรา ใน 2550 ปีที่ผ่านมานี้ มีเทคโนโลยีเกิดขึ้นมากมาย มีหนังสือ มีสื่อบันทึกเสียง มีอินเตอร์เน็ต มีความรู้มากมายให้เราศึกษา ใยต้องโวยวาย ใยต้องกังวลว่าอนาคตจะไม่ดี เราต้องทำดี เพื่อให้อนาคตดีซิ
ฉันเชื่อว่าศาสนาพุทธจะรุ่งเรืองต่อไป ศาสนาอยู่ที่ใจ อยู่ในใจ ยังไงในใจคนนั้นศาสนาก็ไม่เสื่อม ถ้าเขาเป็นชาวพุทธ เขาก็ต้องปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า แล้วจะเสื่อมได้อย่างไร คนที่ไม่ปฏิบัติตามก็ไม่ใช่ชาวพุทธ และความจริงคนที่ปฏิบัติจริง และส่งเสริมให้คนอื่นทำดีนั้นมีอยู่ พระอริยเจ้าก็มีอยู่ หลายท่านกำลังสอนเราอยู่ อยู่ที่เราเท่านั้นเอง ที่จะมองหาธรรม มองหาพระพุทธเจ้าเมื่อไร...
บูชาพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
ดู 10 ต.ค. หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มรณภาพ
No comments:
Post a Comment