06 November 2007

ชีวิตในสิงคโปร์ และ ชีวิตแบบสิิงคโปร์ ตอน 2

คนสิงคโปร์ก็นับถือเจ้าแม่กวนอิมเหมือนกัน เรียกว่า กวนอิม แต่เขียนได้หลายแบบ Kwan im, Kwan yim, หรือ Guan yin แล้วคนที่นับถือก็จะ็ไม่กินเนื้อวัวเหมือนบ้านเราเลย โดยจะมีแบบกินนอกบ้านได้แต่ไม่เอาเข้าบ้านเหมือนกันอีกต่างหาก อันนี้คนขับรถแท็กซี่ที่สิงคโปร์ บอกมาว่าเขาทำอย่างนั้น


Kwan Im Thong Hood Cho Temple

วัดเจ้าแม่กวนอิม ที่มีชื่อเสียงมากมี 2ที่ ที่แรกอยู่ใกล้สถานีรถไฟMRT Bugis ซึ่งจะอยู่ในตัวเมืองหน่อย เรียกกันสั้นๆว่า กวนอิมเท็มเพิล หรือชื่อเต็มคือ กวมอิมทองฮูดโช คนไปกันเยอะมักมาก เข้าไปงี้กลับออกมาหัวเป็นกลิ่นกระถางธูปเลย เพราะนอกจากจะมีเจ้าแม่กวนอิมแล้วยังมีเทพของจีนอีกหลายองค์ ซึ่งต้องใช้ธูปเยอะทั้งนั้น


แล้วช่วงวันตรุษจีน ก็จะมีการจัดงานที่ลานสนามหญ้าหลังวัดด้วย เสียงดังโช้งเช้งไปเลย


ส่วนอีกวัดหนึ่ง คือวัดที่มีพระแม่กวนอิมองค์ใหญ่ ในรูปด้านบน วัดนี้จะใหญ่มากและไกลจากตัวเมืองมากด้วย ชื่อ วัดคงเหมียงซานฟอค้ากซี หรือ Kong Meng San Phor Kark See Monastery เรียกสั้นๆว่า คงเมียงซานก็ได้ ถ้าอยากไป ก็ดู Temple Tourได้


โดยเมื่อเข้าไป ศาลาชั้นแรกเรียกว่า มหากรุณา (Mahakaruna) จะมีพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือพันตาประดิษฐานอยู่ เข้าไปจะเห็นคนไหว้หลายแบบเลยไม่ใช่แค่แบบไทย มีไหว้แบบธิเบตด้วย คือนอนเอาหน้าคว่ำลงไป แล้วก็ลุกขึ้นมาไหว้ แล้วก็ทำอยู่อย่างนั้นหลายๆรอบ จำไม่ได้ว่ากี่รอบ คือวัดนี้จริงๆแล้วเป็นวัดที่สอนศาสนาพุทธด้วย แต่เป็นนิกายจีนและธิเบต

ขึ้นต่อไปก็จะเป็น Main Hall ชื่อ Hall of Great Strength หรือศาลาแห่งความเข้มแข็ง มีพระศรีสากยมุนีพุทธเจ้า (Shakyamuni Buddha) หรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ในแบบที่เรารู้จักประดิษฐานอยู่


ขึ้นต่อไปอีก ก็จะเป็นศาลาแปดเหลี่ยม ภายในมีพระพุทธเจ้าแบบจีน Vairocana buddha ประดิษฐานอยู่
ออกจากศาลาแปดเหลี่ยมไป กลางแจ้งก็จะมีพระแม่กวนอิมองค์ใหญ่ เหมือนในรูปแรกอยู่


เดินตามทางต่อไป ก็จะเจอตึกที่มีเจดีสีทองอยู่ด้านบน ปีนบันไดขึ้นไปที่ห้องบนสุด ก็จะพบพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่สีทอง สวยงามมาก ที่นี่เรียกว่า เจดีย์พระพุทธเจ้าหมื่นองค์ (Pagoda of 10,000 Buddhas) โดยที่ด้านในของเจดีย์จะมีพระพุทธเจ้าองค์เล็กๆอยู่เป็นพันๆองค์เลย และที่นี่ก็จะมีหนังสือธรรมะ เป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีนให้เลือกไปอ่านฟรี แบบแล้วแต่จะทำบุญด้วย แม่ๆ ป้าๆ น้าๆ ชอบกันใหญ่

จุดต่างของวัดนี้ กับกวนอิมเท็มเพิล ก็คือ วัดนี้จะสอนธรรมะ สอนสมาธิ แต่กวนอิมเท็มเพิล จะเป็นเหมือนไปไหวเจ้าขอพรมากกว่า

ส่วนวัดไทย ที่มีพระไทยจำวัดอยู่นั้น รู้ว่าอยู่ใกล้ๆ สถานฑูตไทย ที่ถนน Orchard แต่ก็ไม่เคยไปจริงๆซะที


พูดถึงถนนออฉัด (Orchard) ก็เป็นถนนที่ ใครไปสิงคโปร์ก็ต้องไป เป็นถนนที่มีห้างสองฝั่งถนน ยาวตลอดสาย แต่ฝั่งตรงข้ามห้างWismaที่เห็นอยู่ในรูปนี้ จะเป็น Lucky Plaza คนไทยชอบไปซื้อน้ำหอม เครื่องเล่นเกมส์ นาฬิกาและของถูกๆกัน แต่ต้องระวังของปลอมนะจ๊ะ ข้างใน Lucky Plaza จะดูคล้ายๆพันทิป แต่แย่กว่า Lucky Plaza และถนน Orchard นี้จะเป็นเหมือนที่นัดพบของคนฟิลิปปินส์ในสิงคโปร์ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มาขายแรงงาน ทำงานเป็นแม่บ้าน หรือพี่เลี้ยงเด็ก โดย Lucky Plaza นี้จะมีพวกเครื่องปรุงอาหารฟิลิปปินส์ขาย และ ถ้าวันเสาร์อาทิตย์มองไปตามสวนสาธารณะแถวนั้น เห็นคนจับกลุ่มกินข้าวกัน ก็นั่นแหละคนฟิลิปปินส์มารวมญาติ


ส่วนที่ที่คนไทยไปรวมญาติ และ ซื้อหาเครื่องปรุงอาหารไทย และ ทานอาหารไทยแบบไทยๆจริงๆ ก็คือที่ โกลเด้นไมล์ (Golden mile) ดูเหมือนประเทศไทยเลยไหมนี่ ไม่เคยไปเหมือนกัน แต่เขาว่ามีของไทยทุกอย่าง ส้มตำปลาร้าก็หากินได้ โดยแรงงานไทยส่วนใหญ่ที่ไปทำงานที่สิงคโปร์ก็จะเป็นงานด้านก่อสร้าง


ส่วนคนสิงคโปร์นั้น เสาร์อาทิตย์ ถ้าเป็นชาวคริสต์เขาก็จะไปโบสถ์กัน หรือไม่ก็ไปเดินช็อปปิ้ง ออกไปกินอาหารนอกบ้าน พาลูกไปเรียนพิเศษหัวโตอย่างคนไทย ส่วนคนไทยต่างถิ่นอย่างเรา ก็ต้องเก็บกวาดบ้าน ซักผ้ารีดผ้า แล้วก็ไปซุปเปอร์ซื้อของมาตุนใส่ตู้เย็นเอาไว้ก่อน ที่สิงคโปร์นี้ สามารถจ้างคนทำงานบ้านได้ แต่คิดเป็นชั่วโมง และแพงด้วย จึงควรทำเอง มีเพื่อนคนสิงคโปร์เคยเล่า คนทำงานบ้านเขา ขโมยของ และแถมแอบกินวิตามินบำรุงของเขาอีกต่างหาก


ส่วนเรื่องที่พักอาศัยนั้น ถ้าได้ไปสิงคโปร์แบบบริษัทออกค่าที่พักให้ ก็จะได้ที่พักดีหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโด ที่มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนสในนั้นเสร็จ บางที่ก็มีคอร์ทเทนนิส มีที่ย่างบาร์บีคิว (BBQ Area) ให้จองใช้ไม่เสียตังด้วย สบายไปเลย เสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ ก็ออกมาว่ายน้ำต๋อมแต๋มได้ เรียกเพื่อนมาปาร์ตี้ปิ้งย่างก็ได้อีก คนที่อยู่คอนโดอย่างนี้ส่วนใหญ่ ก็จะเป็นชาวต่างชาติที่บริษัทออกค่าที่พักให้ แต่ทว่า ตอนนี้บริษัทต่างๆทั่วโลก มาตั้ง Regional head office หรือ สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชีย ที่สิงคโปร์กันเยอะ และก็ต้องส่งคนตามมาด้วย ค่าเช่าคอนโดก็เลยพุ่งกระฉูดไปเกือบเท่าตัว ถ้าถูกส่งไปอีกที ก็อยู่ที่เดิมไม่ได้แล้ว ค่าเช่าเกินงบซะแล้ว


ส่วนอาหารการกินนั้น สบาย~ มนุษย์กินพืช ชาวมังสาวิรัติอย่างฉันยังสบายเลย คนสิงคโปร์กินมังสาวิรัติมากกว่าคนไทยเสียอีก! อันนี้ถูกใจมาก ตามฟูดคอร์ดจะมีร้านมังสาวิรัติอยู่เกือบทุกที่ ภัตตาคารที่เสริฟเฉพาะอาหารมังสาวิรัติ ก็มีเพียบ มีทั้งแบบอินเดีย และแบบจีน ให้เลือกตามใจ ผักผลไม้ที่สิงคโปร์ ก็มีเหมือนอย่างบ้านเราเลย แตงโม ส้ม มะละกอ กีวี ละมุด มะเฟือง แก้วมังกร แคนตาลูป เป็นที่นิยม หาได้ทุกที่

แตงโมลูกสี่เหลื่ยม จากญี่ปุ่นยังมีเลย ลูกละพันกว่าบาท ผูกโบว์สีแดงโดดเด่น ขายตอนช่วงปีใหม่ คือคนสิงคโปร์จะชอบ และเทิดทูลญี่ปุ่นมากถึงมากที่สุด อาหารที่นำเข้าจากญี่ปุ่นมีเยอะ ห้างญี่ปุ่นที่ Orchard ก็ใหญ่เบ่อเริ่มเบ่อเทิ่ม แล้วรถยนต์นะ ก็ต้องผลิตที่ญี่ปุ่นถึงจะชอบ เขาเชื่อว่ารถรุ่นเดียวกันนี่แหละ ถ้าผลิตที่ญี่ปุ่น จะดีกว่าผลิตที่ไทย แต่ช่วงหลังมานี้ ก็เลือกไม่ได้เพราะรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ นำเข้าจากไทย


ส่วนอาหารไทยนั้น ก็หากินได้ง่ายแสนง่าย ไม่ต้องไปถึงโกลเด้นไมล์ก็ได้ แต่ร้าน ThaiExpress สาขานี้ช่างกระไร เอาพระพุทธรูปมาเป็นเครื่องประดับร้าน เห็นแล้วก็เข้าไม่ลง แต่ไปร้านอาหารไทยในสิงคโปร์ อย่าหวังว่าจะพูดภาษาไทยได้ พนักงานไม่มีเป็นคนไทยเลย แล้วน้ำมะม่วงปั่น ก็จะฮิตมาก อยู่ที่สิงคโปร์ต้องสั่งทุกครั้งเวลาไปร้านไทย คนสิงคโปร์ก็ชอบมาก ไหงกลับมาไทยแล้วไม่ค่อยกินเลย สงสัยตอนนั้นจะตามแฟชั่น ส่วนอาหารเนื้อสัตว์ที่ดังๆ ในสิงคโปร์ ก็จะเป็น ข้าวมันไก่ เรียก Chicken on rice แต่เห็นเพื่อนบอก น้ำจิ้มของเราอร่อยกว่ากันเยอะ


ติ่มซัม ก็ฮิต เรียก Tim sum หรือ Dim sum แต่เขาจะนิยมกินเป็นอาหารเช้า หรือเช้าควบเที่ยง แบบ Brunch พอ 11โมงงี้ คนแน่น ต่อคิวกันยาวเหยียดออกไปนอกร้านเลย ร้านนี้ที่เพื่อนชาวสิงคโปร์พาไปกินชื่อ Red Star เห็นเขาว่า เป็นร้านติ่มซัมเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานาน คนส่วนใหญ่ที่ไปกิน ก็เห็นได้จากภาพ คือ จะเป็นคนแก่มาเจอเพื่อน สังสรรค์กินติ่มซัม จิบชา หรือไม่ก็จะเป็นแบบ มากันทั้งครอบครัว มีอากง อาม่า อากู๋ อากิ๋ม อาลูก อาหลาน มากันหมด เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ทั้งเสียงตะเกียบ เสียงคุย คนพันธุ์พืชอย่างฉันก็ไม่ค่อยมีอะไรที่ทานได้มาก เพื่อนคนสิงคโปร์สั่งแป้งห่อผักราดซีอิ๊วดำมาให้ กับเผือกทอดอีกอย่า กินอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก็สนุกตรงที่ได้มานี่แหละ


ส่งท้ายตอนนี้ ขอเล่าเรื่องของหวาน คุณรู้หรือเปล่าว่า "อันปังแมน" หรือ "An-pan man" ที่เคยดูตอนเด็กๆ ไส้อะไร? ฮ่าฮ่า คงไม่รู้.. อันปังแมนนั้น ที่แท้แล้วไส้ถั่วแดง ไม่เคยรู้มาก่อนเลย จนไปซื้อขนมปัง แล้วเขาเขียนว่า อันปัง บางร้านก็ทำเป็นรูปหน้าอันปังแมนเลยนะ ถามคนขายแล้วก็ถึงบางอ๋อ อ๋ออย่างนี้นี่เอง อย่างร้าน BreadTalk นี้ เป็นร้านของสิงคโปร์เองเลย มาตั้งที่ไทยก็อยู่ในพารากอนเหมือนแบรนด์สิงคโปร์อื่น คนสิงคโปร์จะชอบ หมูหยองมาก ฉะนั้น ขนมปังของ BreadTalk ก็จะมีขนมปังหน้าหมูหยองหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว ผ่าน BreadTalk ทีไรก็ฮ้อมหอมขนมปังและชีสเค้ก


ร้านขนมของสิงคโปร์อีกร้าน ที่เปิดอยู่ทั่วเกาะคือ Jollibean ขายน้ำเต้าหู้ และขนมคล้ายๆ เต้าฮวยแต่ใส่น้ำเชื่อม และ ก็ขายขนมคล้ายแพนเค้กใส้ครีมถั่วลิสง (peanut butter) ใส้ครีมชาเขียว ใส้ถั่วแดง เวลาประชุมเขามักจะแจก Jollibean หลากใส้เป็นอาหารว่าง อย่อยๆๆ


นอกจากนี้ ที่สิงคโปร์ก็จะชอบกินขนมน้ำแข็งไสกัน มีให้เลือกหลากหลายเลยเชียว


แต่ที่ต้องลองคือ ไอส์กะจัง (Ice Kachang) ขนมน้ำแข็งราดน้ำหวานหลากสี แถมข้างใต้ยังแอบซ่อนขุมทรัพย์ ถั่วแดง ขนุน ข้าวโพด และอื่นๆอีกมากมายเลยไว้ด้วย แค่เขียนถึงก็ต้องกลืนน้ำลายเป็นระยะๆ

นอกจากนี้ ที่สิงคโปร์ก็จะมีไอศครีมเจลาโต้ ไขมันต่ำขายเยอะมาก แล้วยังมีไอศครีมโยเกิร์ทปั่นกับผลไม้ขายอยู่ตามห้างด้วย กินแล้วไม่อ้วน แต่ขอบอกอย่าหวังว่าจะได้กิน Milk Shake ของเบอร์เกอร์คิง อย่างที่บ้านเรา สิงคโปร์ไม่มี ถ้าสั่งไอติมที่เบอร์เกอร์คิงไป จะได้ "ไอสกรีม" ถ้วย รสคุกกี้แอนด์ครีม เขียนภาษาไทยหลาข้างถ้วยเลย กินไปก็อยาก "สกรีม" ไป

โปรดติดตามต่อตอน 3 (ตอนจบ)

ดู ชีวิตในสิงคโปร์ และ ชีวิตแบบสิิงคโปร์ ตอน 1

No comments:

Add to Google Reader or Homepage