06 November 2007

ชีวิตในสิงคโปร์ และ ชีวิตแบบสิิงคโปร์ ตอน 1

เมอร์ไลออน (Merlion) สัญลักษณ์ของสิงคโปร์

จากที่ได้ใช้ชีวิตทำงานที่สิงค์โปร์ 1 ปี แบบไม่ธรรมดา (ต้องเดินด้วยไม้เท้าไปครึ่งปี) มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย จึงขอเล่าชีวิตเรา และชีวิตเขา ที่สิงคโปร์...ด้วยภาพ...

สิ่งที่ เป็นสิงคโปร์มากๆ อย่างแรกคือ ความสะอาด ร่มรื่น และเป็นระเบียบ (กว่าบ้านเรา) เขาจะรวมเอาการปลูกต้นไม้ ไว้กับ การวางแผนสร้างถนนเลย ข้างทางเลยมีต้นไม้ใหญ่ๆ เต็มไปหมด สบายตา เดินสบาย แถมยังช่วยลดมลพิษไปในตัวด้วย ไปทุกที่ก็จะเขียวไปหมด บ้านเราน่าจะทำบ้าง


และที่สิงคโปร์ท่อน้ำลึกมาก (ที่เห็นเป็นร่องด้านขวา) เลยน้ำไม่ท่วม เพราะท่อสามารถพาน้ำเยอะๆไปลงแม่น้ำสิงคโปร์ (Singapore river) ได้สบาย แม้ว่าฝนจะตกเยอะพอๆ หรือกว่าบ้านเราอีก แล้วฟุตบาทเขาก็เ็ป็นปูนปรกติ ไม่เห็นต้องทำเป็นปูนบล็อกเหมือนฟุตบาทในไทยบ้านเราเลย


ช่วงฝนตกหนักๆก็จะเห็นแม่น้ำสิงคโปร์ปริ่มเชียว


ขึ้นแท็กซี่ที่สิงคโปร์ ก็ต้องไปหาที่จอดแท็กซี่ หรือ Taxi stand นะจ๊ะ ถ้าไม่มีรถจอดอยู่ ก็กดปุ่มเรียกแท็กซี่ได้ พอป้ายเรียกแท็กซี่ไฟเปิด เขาก็จะเข้ามารับ ความจริงถ้าไม่มี Taxi stand ยื่นมือออกไปโบกๆ เขาก็จอดเหมือนกัน แต่ที่สนามบินแชงกิ (Changi Airport) มีการจัดแท็กซี่ให้คนที่ดีมาก คือเขาจะมีช่องให้คนต่อแถวรอแท็กซี่คดเคี้ยว ส่วนรถที่มารับก็จะต้องเข้าคิวเรียงกันมายาวเลยเหมือนกัน แล้วเขาจะจัดให้มีพื้นที่เป็นช่องๆ ให้จอดรับคน เอาของขึ้นท้าย โดยจะมีคนคอยจัดผู้โดยสารให้รถแต่ละคัน สะดวกดี และแท็กซี่ที่นั่นก็จะมีเร็ตค่าโดยสารชัดเจน แปะไว้ที่กระจกข้างผู้โดยสารหลังเลย เช่น ไปมาสนามบินคิดเพื่มเท่าไร ดึกๆราคาลดลงเท่าไร นอกจากนี้ ก็ยังสามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าแท็กซี่ได้นะ เสียเพิ่ม 3 % มีใบเสร็จให้เรียบร้อย ไม่ว่าเงินสดหรือบัตร


แล้วเวลาขับรถผ่านตัวเมือง หรือ CBD (Central Business District) ช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ก็จะต้องเสียตังด้วย เป็นการลดจำนวนรถผ่านเมือง ลดรถติด และหาเงินเข้ารัฐบาลอีกทาง โดยรถทุกคันจะมีเครื่องที่สามารถเสียบบัตรเติมเงินได้ ติดตั้งไว้ที่คอนโซล เมื่อขับผ่านถนนที่มี ERP (Electronic Road Pricing) ติ๊ด! เงินในบัตรเราก็จะถูกตัดไปเลยทันที ถ้านั่งแท็กซี่ ผู้โดยสารก็จะต้องจ่ายเงินส่วนนั้นเอง ก็เป็นความคิดที่ดีสำหรับบ้านเราเหมือนกันนะ แล้วเอาเงินที่เก็บได้ มาปรับปรุงฟุตบาท ไฟสัญญาณจราจร และถนนกันเถอะ


คนข้ามก็ต้องรอไฟเขียวสำหรับข้ามนะ ไม่งั้นผิดกฎหมาย มีคนบอกกว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีกฎหมาย "ห้าม" เยอะที่สุด ห้ามหมากฝรั่ง ห้ามดูดบุหรีในตึก ห้าม ห้าม ห้าม แม้แต่ห้ามฆ่าตัวตาย เพราะถ้าไม่สำเร็จจะถูกจับ อันนี้ไม่แน่จริงหรือเปล่า แต่เขาบอกๆกันมาว่า แถมยังมีเสื้อยืดป้ายห้ามต่างๆ แซวประเทศตัวเองขายนักท่องเที่ยวอีกตังหาก


Jay walker หรือคนข้ามถนนแบบผิดกฎหมาย ก็มีเหมือนกัน วิ่งฝ่าไฟแดงกันหน้าตั้งเลย

คือสิงคโปร์เนี่ย ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ของเขาหลายอย่าง เช่น มีกฎเยอะๆ คนก็จะทำตามกฎ แต่แบบอะลุ้มอล่วย ส่วนภาษาก็เหมือนกัน คนพูดภาษาอังกฤษได้เยอะ เป็นภาษาทางการ แต่ก็จะเป็นแบบสำเนียงสิงคโปร์ เรียก Singlish หรือสำเนียงท้องถิ่น และก็มีแสลงเป็นของตัวเอง เรียกการใช้แสลงแบบแสลง Singlish ว่า Talking Cock แล้วพูดอะไรๆ ก็จะลงด้วย "ล่ะ" หรือ "ลา" (lah) เช่น ok lah... ใครคุยกับคนสิงคโปร์ ก็ต้องเคยได้ยินแน่นอนล่ะ! นอกจากนี้ยังมีคำ เช่น ฮ็อกเกอร์เซนเตอร์ (Hawker centre) หมายถึง ฟูดคอร์ดที่ไม่ติดแอร์ หรืออยู่กลางแจ้ง และคนสิงคโปร์ก็ชอบหาของอร่อยๆนอกบ้านกินกันด้วย ไม่ว่าจะไปฮ็อกเกอร์เซนเตอร์ และฟูดคอร์ดที่มีอยู่ทั่วเกาะ หรือภัตตาคารอร่อยๆ นอกจากนี้ยังใช้คำว่า เบรอๆ ในความหมายแบบเราๆด้วย เคยถามป้าพนักงานซุปเปอร์ว่าของนี้อยู่ไหน ป้าทำหน้างงแล้วบอกว่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน "I'm blur blur" เอ๊? ป้าพูดไทย หรือพูดอังกิด กันนี่ แต่แล้วพนักงานแคชเชียก็บอก "have have" แปลว่า มีมี ตรงๆตัวเลยค่ะ คนไทยอยู่รอด ส.บ.ม.


หนึ่งในฮ็อกเกอร์เซนเตอร์กลางแจ้ง ใกล้ตึกทุเรียน ในสิงคโปร์


หมี่กอริ่ง (Mee Goreng) หรือที่เรียกแบบไทยๆว่า หมี่โกเลง กับกระดาษทิชชูที่ต้องนำติดตัวไป เวลาที่ไปกินที่ฮอกเกอร์เซนเตอร์ หรือฟูดคอร์ด ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ต้องพกทิชชูติดตัวกันทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นก็จะปากมันกันมาเลย คือที่สิงคโปร์นี้ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง ไม่มีอะไรให้ฟรีๆ ทิชชูก็ไม่มีให้ น้ำเปล่าก็ต้องซื้อ ผ่านเมืองก็ต้องเสียตังให้ ERP อย่างที่บอก จะจอดรถข้างถนนก็ต้องเสียค่าจอดตามมิเตอร์ แล้วทุกบ้านก็ยังต้องเสียค่าสัญญาณโทรทัศน์ สำหรับช่องธรรมดาอีกตังหาก มีคนบอก อ้าวถ้าผมไม่ดูทีวีหละ รัฐก็บอกว่า แล้วคุณมีทีวีหรือเปล่า ถ้ามีก็ต้องจ่าย นี่ถือเป็นโจ๊กแดกดันรัฐบาล ของชาวสิงคโปร์อันหนึ่งเลยทีเดียว มีคนถามว่าแล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมมีทีวี รัฐก็บอก ใครๆก็มีทีวีกันทุกบ้านแหละ ก็เลยต้องเก็บตังทุกคน แหมๆ ถ้าไม่จ่ายต้องเอาทีวีไปซ่อน แล้วเรียกเขามาตรวจนะ ไม่งั้นโดนค่าปรับแน่น

ส่วนนี่คือ บรรยากาศของฟูดคอร์ด ที่สิงคโปร์ คนมากินกันคึกคัก แล้วที่สิงคโปร์ก็มีการจองโต๊ะในฟูดคอร์ดด้วยกระดาษทิชชู หรือบัตรพนักงานด้วยนะ เหมือนตอนเราทำที่โรงอาหาร สมัยอยู่มัธยมยังไงยังงั้น บ้านๆดีนะ และอย่างที่บอกคือ ทุกอย่างที่นี่ เป็นเงินเป็นทอง ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ รัฐบาลก็จะโปรโมทให้คนทำงาน ไม่ให้หยุด เวลาไปฟูดคอร์ด หรือไปกินเบอร์เกอร์คิง ก็จะเห็น คุณลุงคุณป้ามาเก็บจาน เก็บโต๊ะ ดูแล้วก็น่าสงสาร แก่แล้วทำไมต้องมาทำงานขนาดนี้ แต่อีกมุมนึงก็คือ ถึงแก่เขาก็ยังมีรายได้ได้ ไม่ต้องรอขอลูกหลานอย่างเดียว ทุกคนทำงาน ประเทศก็พัฒนาเร็ว จะเห็นได้ว่า สิงคโปร์ไม่มีประท้วงหรอก เพราะคนต้องทำมาหากิน ทำงานๆๆ เคยคุยกับคนขับแท็กซี่ที่นั่น เขาว่าอย่างนั้น แล้วยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงที่มีประชุมใหญ่ๆ ระดับโลก อย่างตอนประชุม IMF เขาก็จะห้ามการประท้วงบนเกาะสิงคโปร์เลย ถ้าจะประท้วงให้ไปประท้วงบนอีกเกาะนึงที่ห่างไกล ฮ่าฮ่า นี่ก็เป็นโจ๊ก โจ๊กหนึ่งที่คนสิงคโปร์แดกดันรัฐบาล ถ้าเป็นประเทศเรา ไม่ให้ประท้วงคงโดนว่า เผด็จการเป็นแน่ แต่ที่สิงคโปร์ไม่มีใครว่า เพราะต้องทำงาน ทำงาน ทำงาน

ตึกทุเรียน หรือ เอสพลาเนด (Esplanade) เป็นโรงละครค่ะ
สิงคโปร์จะสร้างอะไรที่ประเทศพัฒนาแล้วเขามีกัน เช่น โรงละครที่มีสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร สร้างด้วยกระจก ที่มีมุงสามเหลี่ยมครอบแต่ละชิ้นของกระจกอย่างประหลาดมหัศจรรย์ และเอสพลาเนคนี่เอง ที่มีการแสดงละครเวที และคอนเสร์ทตลอดปี


น้ำพุโชคลาภ หรือ Fountain of Wealth

แล้วด้วยเชื้อสายจีน ชาวสิงคโปร์จะสนเรื่องฮวงจุ้ยมาก ถึงมากที่สุด ฟาวเทน ออฟ เวล์ธ นี้ก็เป็นจุดฮวงจุ้ยดูดทรัพย์ เพราะสิ่งที่อยู่รอบๆน้ำพุนี้นั้น คือ ตึกสูงซันเทค (Suntec) 5 ตึก เปรียบเสมือนเป็นฝ่ามือที่หงายขึ้น โดยตึกคือนิ้ว ทั้ง 5 แล้วมีน้ำพุพุลงอยู่ตรงกลางฝ่ามือ นำโชคลาภมาให้สิงคโปร์ นอกจากนี้ถ้าดูรูป Esplanade ข้างบน จะเห็นตึก ที่ดูคล้ายๆดินสอ อยู่ด้านหลังทางขวา จริงๆแล้วใกล้ๆนั้นถัดไปอีกทางขวา จะมีตึกที่มองจากที่ไกลๆ ดูเหมือนหนังสือ โดยความสูงของตึกเป็นสัน โดยดินสอและหนังสือหรือสมุด จะหมายถึง การเงิน การบัญชีที่ดี มีกำไร คือบริเวณนั้น เป็นโซนของตึกทำงาน Office building เขาก็จำเป็นต้องสร้างให้ทำมาค้าขึ้น และในธุรกิจต่างๆ พอขึ้นปีใหม่ เถ้าแก่ก็จะให้ซินแส มาดูฮวยจุ้ยของปีที่กำลังจะมาถึงไว้ก่อนเลย โดยถึงขนาดปิดห้ามใช้ห้องประชุมบางห้อง ที่อยู่ในทิศที่ไม่ดีสำหรับปีนั้นเลยเชียวนะ เนื่องจากถ้าใช้แล้ว จะจราจาไม่สำเร็จ เกิดปัญหา ขนาดนั้นเลยทีเดียว

เลเซอร์โชว์ตอนกลางคืน ที่ Fountain of Wealth

ชอบฮวงจุ้ยและก็มีหัวการค้า Fountain of Wealth นอกจากเป็นฮวงจุ้ยดูดทรัพย์แล้ว ยังเป็นที่ท่องเที่ยว ดูดคนมาเที่ยว มากินอาหารในภัตตาคารที่อยู่รอบๆน้ำพุอีกด้วย โดยจะเปิดน้ำพุช่วงเที่ยง เวลาที่คนออฟฟิส มาทานกลางวัน ตอนเย็นก็จะปิดน้ำพุใหญ่ที่พุลง เปิดน้ำพุเล็กที่พุขึ้นตรงกลางของน้ำพุใหญ่ แล้วเปิดให้คนเข้าไปเดินวนรอบน้ำพุเล็กแล้วก็อธิฐานของพร เป็นไงหละ ขอพรได้ด้วย ส่วนตอนกลางคืนนั้น ก็จะมีแสดงโชว์เลเซอร์ คนไปดูก็แอบกระซิบบอกที่เคาร์เตอร์ ให้เขียนข้อความตามคำขอได้แบบฟรีๆ ด้วย เป็นการบอกรัก หรือสุขสันต์วันเกิดอีกแบบ


โปรดติดตาม ชีวิตในสิงคโปร์ และ ชีวิตแบบสิิงคโปร์ ตอน 2

No comments:

Add to Google Reader or Homepage