23 September 2007

ครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร ... เป็นยังไงกันบ้าง

เหตุการณ์ ทหารนำรถถังเข้าปิดล้อมรัฐสภา คืนวันที่ 19 กันยายน 2549 ตอนที่ทักษิณประชุม United Nations General Assembly อยู่ที่ New York สหรัฐอเมริกา ยังชัดเจนในความทรงจำ ตอนนั้นฉันอยู่ที่สิงคโปร์ นอนไม่หลับ เปิดดูทีวี เปลี่ยนไปช่องโน้นที ช่องนี้ที ทั้ง CNN, BBC, Channel News Asia ก็มี Breaking News เป็นข่าวจากกรุงเทพมหานคร ภาพรัฐสภาในตอนกลางคืน สลับกับข่าวจากทักษิณที่นิวยอร์ค ว่า เขายังเป็นรัฐบาลอยู่ และทุกอย่างก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุม พร้อมสั่งปลด พลเอก สนธิ จากตำแหน่ง ตอนนั้นฉันกับแม่ก็นั่งเฝ้าหน้าจอ พร้อมกับถามกันไปกันมาว่า ใครๆๆ ใครปฏิวัติ แล้วก็มีประกาศจาก "คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข" (ชื่อยาวมาก) ว่า เนื่องจาก ภายใต้รัฐบาลนี้ ประเทศเกิดการแตกความสามัคคี แบ่งฝ่ายอย่างไม่เคยมีมาก่อน, มีการคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวาง, องค์กรอิสระถูกครอบงำ, และมีการหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แห่งองค์พระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง (จึงปฏิวัติ) แล้วจำได้ว่ามีการบอกว่า "ขออภัยในความไม่สะดวก มา ณ ที่นี้" อะไรทำนองนี้ด้วย

แต่ ช่วงก่อนหน้านั้น (22 มี.ค. 49) ก็มีข่าวพระพรหมที่แยกราชประสงค์ ถูกทุบ และคนทุบก็ถูกประชาทัณฑ์ตายอีก มันทำให้ฉันรู้สึกว่า บ้านเรายุคนี้ อะไร ทำไม จึงมีเรื่องหดหู่ขนาดนี้เกิดขึ้น พระพรหมที่แยกราชประสงค์ แม้คนสิงคโปร์ยังนับถือ เดินทางมาขอลูกก็ได้ลูก ยังดีที่ปฏิวัติคราวนี้ ไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อให้กับ "ประชาธิปไตย" อีก...

และภาพที่เราได้เห็นต่อมา ก็คือ คนถ่ายรูปกับทหาร นำดอกไม้ไปให้บ้าง เด็กตัวเล็กๆไปยืนกับรถถังและทหารที่ถือปืนบ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนขับรถแท็กซี่ขับรถพุ่งชนรถถัง

แล้วเราก็ได้รัฐบาลคุณปู่ หลายท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทุกท่านเป็นผู้เสียสละ แต่บางท่านก็ช่างไม่เหมาะสมกับหน้าที่เอาซะเลย อย่างคุณลุงกระทรวง ICT บอกออกมาอย่างเต็มปากว่า "ผมไม่ใช้อีเมล์" "ผมแก่แล้วไม่เข้าเว็บ" ช้ำใจจริง ไทยรัฐยังล้อ

การรัฐประหารครั้งนี้ มีทั้งผู้สนับสนุนและต่อต้าน แต่บางกลุ่มก็ไม่เอาทักษิณ แต่ก็ไม่เอารัฐประหารด้วย เคยถามว่าแล้วต้องการให้เป็นอย่างไร ก็ได้คำตอบว่า "อย่างอื่นที่ไม่ใช่รัฐประหาร" แปลว่า ไม่รู้...

และ 30 พ.ค. 2549 ศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีคำวินิจฉัยอย่างละเอียด "มีคำสั่งยุบพรรคไทยรักไทย" และ ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 111 คน ทั้งๆที่ศาลท่านทำงานอย่างหนัก และอธิบายอย่างละเอียดถึงเหตุถึงผลของการตัดสิน เราได้ยินตลอดว่า "ฟังไม่ขึ้น" และจนท้ายสุดก็ "ยุบพรรคผู้ถูกร้องที่หนึ่ง" ก็ยังมีผู้ที่เสียสิทธิ เสียประโยชน์ต่อต้าน ส่ายหัวบ้าง ทำหน้าเบ้บ้าง ยิ้มอย่างระอาบ้าง ความจริง ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้ ยังทำให้ผู้สนับสนุนถึงกับร้องไห้ ไม่รู้ว่าร้องไห้เพราะเสียใจที่พรรคถูกยุบ หรือเพราะศรัทธาพังทลายลง เมื่อความจริงถูกเปิดเผย


และแล้ว เราได้ลงประชามติ "รับ หรือ ไม่รับ" รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 และ คนไทยส่วนใหญ่ ก็ลงประชามติรับรัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับปี 2550 และได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 24 สิงหาคม 2550

1 ปีผ่านไป... หลังจากรัฐประหาร เป็นอย่างไรกันบ้าง? หลังจากคืน 19 ก.ย. 49 จนถึงวันนี้
  • คนและองค์กรต่างๆ ก็ตื่นตัวกับการคอร์รัปชั่นมากขึ้น ดังจะได้เห็น ได้ยิน โฆษณาขององค์กรรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจบ่อยๆว่า เราใสสะอาดปราศจากคอร์รัปชั่น หรือ ลด ละ เลิก คอร์รัปชั่น (ทั้งๆที่ ต้องกำจัดให้เด็ดขาด ไม่ใช่ ลด หรือ ละ)

    ความจริงบริษัทเอกชนเอง ก็เข็มงวดกับการคอร์รัปชั่นในองค์กรมากขึ้นเช่นกัน ไม่รู้เป็นเฉพาะบริษัทฉันหรือเปล่า แต่ปีที่ผ่านมาเข้มงวดมากขึ้นอย่างชัดเจน มีคนระดับบริหารถูกให้ออกเพราะการคอร์รัปชั่นมากขึ้น มีตู้ป.ณ. ให้เขียนจดหมายตรงถึงประธานบริษัท คนที่เบิกค่าน้ำมันเกิน ก็ถูกจับได้และถูกไล่ออก เพราะถือว่า โกงและไม่ซื่อสัตย์ สาเหตุของการเข้มงวดอาจเป็นด้วย เศรษฐกิจและการเมืองที่ดูไม่แน่นอน บริษัทจึงต้องลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด หรืออาจเป็นด้วยกระแสความตื่นตัวของประเทศและภูมิภาคโดยรวม เกี่ยวกับการคอร์รัปชั่น ก็เป็นได้เช่นกัน

    อย่างที่บอก กระแสนี้เป็นความตื่นตัวทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย ดังที่เราเห็นข่าวเมื่ออาทิตย์ก่อน ที่ นายโจเซฟ เอสทราด้า อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ วัย 70 ปี ถูกพิพากษา จำคุกตลอดชีวิต ข้อหา คอร์รัปชั่น โดยคดีนี้ใช้เวลาสืบสวนถึง 6 ปี และต่อมา ที่ญี่ปุ่น นายชินโช อาเบะ นายกรัฐมนตรี ก็ประกาศลาออกกลางอากาศ หลังจากมีข่าวการคอร์รัปชั่นของรัฐมนตรีในรัฐบาลของเขา

    ก็น่าจะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีของชาวไทย และชาวเอเชีย ถ้าการโกงกินชาติและภาษีประชาชนจะลดลง แม้จะยังไม่หมดสิ้นไป

  • "คุณธรรมนำไืทย" โครงการของกองทัพบก ที่มีการทำโฆษณาทีวี และการโปรโมทในแบบต่างๆ "คุณธรรมนำความรู้" ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ใช้นโยบาย คุณธรรมนำความรู้ แทน "ความรู้คู่คุณธรรม" โดย ทั้งสองโครงการเน้นทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง และมีกิจกรรมดีๆให้เด็ก และเยาวชนได้เข้าร่วม ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์เลิกเหล้าเลิกจน อีก ชอบมาก รณรงค์ให้เลิกบุหรี่ก็มีมากขึ้น ดีมากๆ แต่โครงการเหล่านี้ ต้องการความต่อเนื่อง และการปฏิบัติด้วยความตั้งใจดี หรือ ใจคุณธรรมจริง และต้องไม่ใช่เป็นการสร้างภาพในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเหตุผลบางประการ ฉันหวังว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่ เมื่อเวลาผ่านไป กระแสคุณธรรมนำ นี้ ก็จะไม่ถูกละทิ้ง หรือเลือนหายไป

  • การเน้นเศรษฐกิจพอเพียง เป็นสิ่งที่ดียิ่ง ที่คนไทย หรือแม้แต่ชาวโลก จะรู้จักพอเพียง และเพียงพอ ในหลวงของเราก็ทรงพระปรีชาสามารถมาก ที่สอนเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ชาวไทย ตอนนี้ทุกคนก็น้อมรับ นำเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ หรือแม้แต่เอามาตั้งชื่อหนังสือบ้าง อย่างเช่น "รวยหุ้นอย่างพอเพียง" แต่จำได้หรือเปล่า เมื่อสมัยรัฐบาลที่แล้ว ผู้ที่เรียกตัวเองว่า ผู้ทรงคุณวุฒิ บางคนออกมาแสดงความเห็นว่า ใช้ไม่ได้จริงต่างๆนาๆ ในหลวงท่านก็ทรงใจดี ทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็น CD เป็นหนังสือ มาให้ผู้รู้น้อยมีความเข้าใจมากขึ้น เศรษฐกิจพอเพียงนี้ ดีต่อประเทศไทยมาก เห็นได้ชัดจาก การเกษตรชีวภาพไร้สารพิษ ที่เกษตรกรหลายท่านนำมาใช้แล้วประสบความสำเร็จ เช่นกันเราต้องพอเพียงไปตลอดด้วย จะได้พอเพียงและยั่งยืน


  • YouTube และเว็ปอื่นๆ โดนบล็อก เราทุกคนรักในหลวง แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องบล็อกยูทู้บนี่นา คลิปนั้นจะต้องโดนคนไทยประณาม และโดนมาตรการจากฝูงชน ทำให้หายไปและแพ้ไปเอง แต่นี่บล็อกเว็ปไซท์ไปเลย และยังมีเว็ปไซท์อื่นๆ ที่โดนบล็อกอีก เรียกว่า บล็อกแหลก บล็อกซะจนหน้าเว็ปตาเขียวมีสถิติการเข้าสูงมาก PageRank ก็สูงด้วย ถ้านี่เป็นผลจาก นโยบายคุณธรรมนำ ฉันก็คิดว่าผิดเต็มที การเอากะลาคุณธรรมมาครอบคนไทย ถือว่าเป็นการใช้นโยบายที่ดี ในทางที่ผิด แม้ว่าตอนนี้ เลิกบล็อกยูทู้บแล้ว แต่เว็ปอื่นๆ ก็ยังโดนบล็อกอย่างไม่มีเหตุผลอยู่ดี แล้วก็ทำให้ประเทศเราก็มีภาพลักษณ์ของเผด็จการอยู่กลายๆ ความจริงมันมีวิธีอื่นที่จะดูแลเด็กๆ และประชาชนของเราได้โดยไม่ต้องบล็อกแหลกอย่างนี้

  • การจัดเรตติ้งโทรทัศน์ ก็เป็นเรื่องที่มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นมาก โดยคนที่คัดค้านส่วนใหญ่ก็คือ สื่อ เอง เพราะแน่นอน ละครตบตีดึงเรตติ้งได้ดีกว่า แต่ความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่ไหน ฉันคิดว่า เป็นสิ่งที่ดีมาก ถ้าคุณธรรมจะนำการจัดเรตติ้งมาใช้ในสังคมไทย ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงทดลองใช้คู่มือการจัดเรตติ้งรายการโทรทัศน์ค่ะ



  • จตุคาม หินธิเบต และ หนังสือธรรมะ ที่ยอดขายพุ่ง อาจเป็นเพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่ทำให้กระแสของที่พิ่งทางใจ พุ่งขึ้นมาก นิตยสาร Positioning เรียกว่าเป็น ศรัทธา มาร์เก็ตติ้ง (รู้ไหม หินที่เห็นอยู่นี่ราคาถึง 12,800 บาทเชียวนะ)

โดยรวมก็มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นหลายอย่างนะคะ เพียงแค่ภาพลักษณ์ "เผด็จการ" ยังมีอยู่ และความรู้สึกของความผันผวนไม่แน่นอนก็ยังมีอยู่ อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ก็คงจะดีขึ้นค่ะ

ก็ขอให้ทุกคนอย่าย่อท้อนะคะ ตั้งใจทำงานของเราให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตเราก็ต้องดำเนินไปทุกวัน ทุกวัน ตอนเช้าก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นทุกวัน ยากลำบากหน่อยก็ต้องอดทน ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน เริ่มทำดี และไม่ยอมทำชั่ว ที่ตัวเราก่อน สังคมโดยรวมก็จะดีตาม แล้วมันก็ต้องดีแน่ๆค่ะ

มาดูซิว่า เลือกตั้งปลายปีนี้ (หรือต้นปีหน้า) เราจะเลือกใคร... หลังจาก 1 ปี ผ่านไป...

No comments:

Add to Google Reader or Homepage