28 December 2007

ออม และ ลงทุน Saving & Investment

ในเดือนหนึ่งๆ ปีหนึ่งๆ ทำงานได้เงินมาแล้ว นอกจากจะให้คนอื่นบ้าง และใช้จ่ายบ้างแล้ว ก็ควรจะเก็บออมด้วย ซึ่งนอกจากการฝากเงินในธนาคารแล้ว การลงทุนก็ถือเป็นการออมอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ เราไม่จำเป็นต้องเล่นหุ้น ก็ลงทุนได้

การออม อาจแบ่งได้ ดังนี้
  1. ฝากเงินในธนาคาร: ธนาคารทุกที่ ต่างก็เสนอทางเลือกในการออมให้เราอย่างหลากหลาย มีทั้ง

    • ฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ฯลฯ
      คือ ฝากเงินไว้แล้วก็ต้องเก็บไปตามระยะเวลาที่กำหนด ห้ามถอนก่อนจึงจะได้ดอกเบื้ย ข้อดี คือ ยังสามารถ ถอนได้ โดยจะถอนตามยอดที่ อีกนานกว่าจะครบเวลาได้ดอกเบี้ย และ ถ้าไม่ถอนก็จะได้ดอกเบื้ยในอัตราที่สูงกว่าธรรมดา ตามระยะเวลาที่กำหนด

    • ฝากเท่าๆกัน ทุกเดือน ตามเวลาที่กำหนด
      มีหลายธนาคารนะ เสนอเงินฝากแบบนี้ และดอกเบี้ยก็จะสูงกว่าฝากประจำธรรมดา แต่จะถอนออกมาไม่ได้เลย จนกว่าจะครบเวลาที่กำหนด ธนาคารบางที่ก็ให้ดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะการฝาก บางที่ก็ขึ้นลง ต้องลองศึกษาดูค่ะ ที่น่าสนใจก็มีของ ธนาคารอาคารสงเคาระห์ ค่ะ เรียกว่า เงินฝากประจำสินเคหะ ฝากเดือนละเท่าๆกัน 1,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 25,000 บาท เป็นเวลา 24 เดือน ดอกเบี้ยคงที่ตั้งแต่ตอนเปิดบัญชี จะได้ดอกเบี้ยเท่ากับ ฝากประจำ 1ปี + 0.5 และได้รับยกเว้นภาษีของดอกเบี้ยสำหรับบัญชีแรกด้วย ช่วงต้นปี 50 ที่ผ่านมา ดอกเบี้ย 6% กว่าๆเลยนะ

    • สลากออมทรัพย์
      เป็นการฝากเงินโดยซื้อสลากจากธนาคาร เขาจะให้ดอกเบี้ยไม่สูงนัก แต่จะมีการจับสลากทุกเดือน รางวัลที่ 1 ที่ 2 ก็จะเป็นเงินหลายๆล้าน ส่วนใหญ่จะต้องฝากระยะยาว 3 ปี หรือ 4 ปี ก็ต้องรอลุ้นทุกเดือนว่าจะถูกไหมน้า มี 2 ธนาคาร ที่ออกสลาก คือ สลากออมสิน ของ ธนาคารออมสิน และ สลากออมทรัพย์ทวีสิน ของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ความเสี่ยงต่ำ สำหรับคนชอบลุ้น


  2. ซื้อพันธบัตรรัฐบาล: มีความเสี่ยงต่ำ รับประกันเงินต้น แต่ต้องเก็บไว้ระยะยาว 2 ปี ถึง 4 ปี อัตราดอกเบี้ยสูงพอสมควร ถอนออกมาไม่ได้ จะเปิดให้ซื้อได้เป็นช่วงๆ ดู กำหนดการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ พ.ศ. 2551 ของธนาคารแห่งประเทศไทยค่ะ พันธบัตรนี้ ซื้อตรงก็ได้ ซื้อในกองทุนรวมก็ได้เหมือนกันนะคะ






  3. ลงทุนในกองทุนรวม: ที่บอกว่า ลงทุนไม่ต้องเล่นหุ้นก็ได้ ก็หมายถึง ลงทุนในกองทุนรวมค่ะ ฉันคิดว่า ถ้ามีเวลาในการศึกษาและติดตาม ซื้อหุ้นในตลาดหุ้นเองก็ได้ แต่สำหรับคนที่งานชุก และจะดีใจตัวเบาเมื่อได้กลับบ้านตอนตะวันยังไม่ลับ ฉันว่า กองทุนรวมก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีนะคะ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่เราก็เลือกระดับความเสี่ยงได้ค่ะ

    บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ.ต่างๆ ก็จะมีกองทุนหลากหลายให้เราเลือกค่ะ และธนาคารต่างๆ ก็จะมี บลจ. ของตัวเอง ทำหน้าที่จัดการกองทุนและขายกองทุน ส่วน บลจ. ที่ไม่ได้เป็นธนาคาร หรือมาตั้งธนาคารทีหลังก็มีนะคะ ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ การบริการของ บลจ. ที่ไม่ได้เป็นธนาคารด้วยจะดีกว่ามาก และก็จะมี Marketing ส่วนตัวให้กับลูกค้า คือ จะมีคนคอยแนะนำเราโดยเฉพาะ เวลามีสัมมนากองทุนใหม่เขาก็จะโทรมาชวนไปฟัง แต่บลจ. ของธนาคารใหญ่ๆนี่ ต้องลงทุนหลายๆๆล้านจึงจะมีคนคอยดูแลแนะนำเฉพาะตัว ไม่ใช่แค่หลายๆนะ หลายๆๆล้าน

    สามารถดูได้ว่ามีกองทุนรวมใดให้เลือกบ้างที่ เว็ปของ ก.ล.ต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ค่ะ จะมีกองทุนของทุกบลจ.อยู่ แต่ถ้าเยอะเกินไปก็เลือกบลจ.ก่อน แล้วค่อยไปเว็ปไซต์บลจ.นั้นเลือกกองทุนก็ได้ค่ะ

    ส่วนการเลือกกองทุนในการลงทุนนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการลงทุนคืออะไร การลงทุน ก็คือ การที่เราเอาเงินของเราไปซื้อหุ้นในบริษัทที่จะมีผลกำไรในอนาคต ให้เขานำเงินเราไปพัฒนาบริษัทเขา ฉะนั้น เราก็ต้องเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการจัดการที่ดี สินค้าดี บริการดี และมีการพัฒนาอยู่เสมอ ดังนั้นเวลาจะเลือกซื้อกองทุนก็ต้องดูว่า เขาจะไปลงที่ไหนบ้างกี่เปอร์เซ็น มีลงในบริษัทที่เหมือนจะดีแต่ภายนอกหรือเปล่า และการปรับสัดส่วนของการลงทุนในแต่ละปีเป็นอย่างไรบ้าง บริษัทที่ดูจะแย่ลง กองทุนนั้นยังลงอยู่หรือเปล่า และก็ดูที่ผลการดำเนินงานในอดีตด้วยค่ะ ว่าดีรึเปล่า มาถูกทางหรือเปล่า

    กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงน้อยก็จะลงในตราสารหนี้ และพันธบัตรเยอะ ส่วนที่มีความเสี่ยงมากก็จะลงในหุ้นเยอะ เราก็ต้องดูดีๆค่ะ การลงทุนนี่ ดีต่อประเทศเรานะคะ มันทำให้บริษัทในประเทศเรามีเงินทุนพัฒนาไปข้างหน้า และก็เป็นการออมของเราด้วย ดูอย่างฟิลิปปินส์ เขาวิเคราะห์ประเทศเขาเองว่า คนของเขามีการออมน้อย น้อยกว่าของประเทศไทย ทำให้การพัฒนาของเขาช้ากว่า

    และช่วงหลังมานี้ จากที่เงินบาทแข็งค่า 1บาทมีค่ามากขึ้นในต่างประเทศ จึงมีกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศเยอะขึ้น มีทั้งลงในธุรกิจพลังงานและเหมืองแร่ในต่างประเทศ กองทุนทองในต่างประเทศ กองทุนสินค้าแบรนด์แนมในต่างประเทศ อันนี้ฉันคิดว่าน่าจะดี ลงในสินค้าแบรนด์แนม เพราะเป็นสินค้าที่มีกำไรมาก มี brand value สูง แล้วยิ่งตอนนี้ประเทศจีนเป็นตลาดใหม่ที่มีการเติบโตสูง มีเศรษฐีใหม่มาก สินค้าพวกนี้ก็น่าจะขายดี เลยซื้อไป แต่ตอนนี้ปรากฎว่า ติดลบอยู่ นี่แหละ "การลงทุนมีความเสี่ยง" แต่ฉันก็ยังเชื่อว่ามันน่าจะดี ติดลบอยู่ก็อย่าเพิ่งขาย ส่วนอีกอย่างที่ดี คือลงทุนในกลุ่มพลังงานทางเลือก มีกองทุนที่ลงในธุรกิจพลังงานสีเขียวของต่างประเทศ ตอนนี้ก็ยังกำไรดีอยู่นะ ถ้าให้แนะนำกองทุนต่างประเทศ ก็ขอแนะนำกลุ่มพลังงานทางเลือกนี้แหละ
ก็ขอให้ช่วยกันออม ช่วยกันลงทุนนะคะ ดีต่อตัวเอง และประเทศชาติค่ะ ของสุรุ่ยสุร่ายหนะมันไม่จำเป็น เอาเงินมาทำประโยชน์ดีกว่า ออมได้ตั้งหลายวิธีแหนะ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีเงินเก็บเยอะๆจากอาชีพที่สุจริต มันก็ภูมิใจ~

No comments:

Add to Google Reader or Homepage